ไฟลุกโชนได้ทำงานที่ฝัน ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ ทุ่มเต็มที่ให้ละครเวที
หลังจากที่เปิดตัวว่า พระเอกหนุ่ม ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ จะมารับบท ‘ชารีฟ’ ในละครเวที ‘ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล’ ก็ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าแม้จะได้ฝึกซ้อมไปบ้างแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีความตื่นเต้น แถมจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ
“จริงๆ ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสมาเรียนร้องเพลง และซ้อมร้องเพลง ทั้งกับนักแสดงที่อยู่ในเรื่องด้วย และอาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งได้มีโอกาสเข้ากับพี่ๆ อองซอมเบิล (Ensemble-นักแสดงสมทบ หรือผู้สร้างสีสันให้ละครเวที) ไป”
“กับนักแสดงร่วมทุกคน ก็ดีครับ สนุกมาก เพราะเราได้รับพลังจากเขาด้วย แล้วพี่ผู้ช่วยผู้กำกับ เขาก็มาแนะนำว่าทุกอย่างเราต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่หมด และมันก็มีการรับส่งกัน ระหว่างตัวละครแต่ละตัว”
“ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ สนุกมาก ตื่นเต้นมาก”
กับระยะเวลา 2 เดือนที่เริ่มให้คิวกับละครเวที ณเดชน์ ก็เล่าว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการ เรียนรู้วิธีการร้องแบบละครเวที
“ผมจะถูกพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ส่งมาเรียนร้องเพลงเป็นคนแรก ก่อนที่นักแสดงคนอื่นจะเริ่ม เพราะว่าหลายคนมีประสบการณ์แล้ว”
“ทุกๆ วันที่เข้ามา ก็จะไล่เพลงตั้งแต่องก์หนึ่ง พักเบรก แล้วก็องก์สองสลับกันไป”
“ก็จะมีการเรียนรู้ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในเรื่องของการหายใจ”
นอกเหนือจากการเรียนให้คลาสแล้ว สิ่งสำคัญไปกว่านั้นก็คือการฝึกซ้อม และทำการบ้าน
“ถ้าลืมเมื่อไหร่ อาจจะกลับมาเหลือศูนย์ แต่ถ้าเราพยายามที่จะรักษามันไปเรื่อยๆ การที่จะเข้ามาแบบเสียงพร้อม ร่างกายพร้อม กระบังลมพร้อม มันจะง่ายกว่า”
“ยิ่งร้องมากขึ้น เราก็ยิ่งเข้าใจเพลงมากขึ้น พอเข้าใจเพลงมากขึ้น ฟีลลิ่งมันได้ ต่อไปมันก็จะเป็นเรื่องของลูกเล่นในการร้องเพลงแล้ว ถ้าซ้อมบ่อยๆ ก็คิดว่าน่าจะสบาย”
แต่เมื่อถูกถามว่าส่วนไหนยากสุด ณเดชน์ ก็ว่า “เรื่องของการ Hit Note ครับ”
“มันจะเป็นเรื่องของประสาทสัมผัสมากกว่า ฟังเสียงเปียโนแล้วเราคิดว่าเราร้องสูงแล้ว โดนโน้ตตัวนี้แล้วแหละ แต่จริงๆ ครูบอกว่ายังไม่ใช่ มันยังเพี้ยนต่ำอยู่”
“คือถ้ามันได้มันก็จะเพอร์เฟกต์ แต่ถ้าไม่ได้บางทีอื่นเขาก็ไม่รู้หรอก เพราะผมเองบางทีก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่ยังเพี้ยนอยู่เหรอ” เล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
ก่อนจะอธิบายต่อว่า “บางทีเราสนุกร้องเกินไป ฟีลลิ่งอินเกินไป จนทำให้ความสมบูรณ์แบบในการร้องอาจจะหายไป”
ซึ่งตอนนี้เลยขอทุ่มคิวงานให้แบบเต็มที่ “ตอนนี้ก็ซ้อม พฤหัส-อาทิตย์ ครับ ถ่ายหนังธี่หยด จบไปพาร์ตหนึ่งแล้ว แล้วก็เทคิวมาให้ละครเวที หลังจากนี้ก็ยาวไปเลยจนเดือนสิงหาคม”
“ผมว่ามันก็โอเค อีกอย่างเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำ มันก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องมาซ้อมอีกแล้ว เหนื่อยจังเลย มันเป็นความรู้สึกที่กระหายที่อยากจะซ้อมมากกว่า มีไฟ”
“โดยรวมผ่านมา 2 เดือนในการฝึกซ้อมร้องเพลง ก็ดีครับ เริ่มเข้าใจ ร่างกายเริ่มพร้อมแล้ว”
กับการเป็นชารีฟที่หลายคนคาดหวัง ที่ณเดชน์บอกว่าก็ทำเอาต้องกลับมาคิดเหมือนกันว่าจะกดดันตัวเองดีไหม?
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เลือกก็คือ “ไม่กดดันดีกว่า”
“คืออะไรจะเกิดขึ้นโมเมนต์อะไรที่เราอยู่บนเวทีก็ปล่อยให้เกิดขึ้น”
“ผมต้องมั่นใจว่าผมสนุกกับงานนี้”
แม้ว่าในวันจริงอาจจะตื่นเต้นมากๆ ก็ตาม เพราะขนาดตอนซ้อมยังทำหัวใจเต้นแรง แต่ก็หวังว่าชั่วโมงการซ้อมที่ได้วางไว้จะทำให้สามารถแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่
“ตอนนี้ผมต้องวอร์มทุกเช้า ผมจะอัดเสียงครูสอนวอร์ม แล้วเป่าปาก นวดหน้า กระดกลิ้น ก็เป็นผลที่ดีกับทุกอย่างในชีวิตตอนนี้ เพราะเราต้องถ่ายละคร ต้องใช้กล้ามเนื้อเหมือนกัน”
“มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่เราเคยดูละครเวทีมาหลายเรื่อง แล้วการที่เรามีโอกาสได้เอาตัวเองมาอยู่บนเวทีนี้ มันเป็นอีกหนึ่งความฝัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว”
‘แล้วเราก็อยากจะทำมันให้มีความสุขที่สุด’